วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กฎกติกาในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

การแข่งขัน
            ใช้การเสี่ยงเลือกเสิร์ฟหรือเลือกแดน ก่อนแข่งให้วอร์มที่ตาข่าย 3 ถึง 5 นาที ถ้าทั้ง 2 ทีม ตกลงวอร์มพร้อมกันให้วอร์มที่ตาข่ายได้ 6 - 10 นาที 
ตำแหน่งของผู้เล่น
            ในขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นแต่ละคนต้องอยู่ในแดนของตน ผู้เล่นแถวหน้า 3 คน แถวหลังแต่ละคนจะต้องอยู่ด้านหลังของคู่ของตนทีเป็นผู้เล่นแถวหน้า การเล่นผิดตำแหน่งจะเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น การหมุนตำแหน่งต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา
การเปลี่ยนตัวผู้เล่น            เลี่ยนตัวได้มากสุด 6 คนต่อเซต แต่ละครั้งจะเปลี่ยนกี่คนก็ได้ ผู้ที่เริ่มเล่นในเซตนั้น จะเปลี่ยนตัวออกได้ 1 ครั้งและกลับเข้ามาเล่นได้อีก 1 ครั้ง ในตำแหน่งเดิม ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนตัวเข้าไปเล่นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้เปลี่ยนเข้ามาต้องเป็นผู้เล่นคนเดิม
การเล่นลูกบอล
            
ผู้เล่นสามารถที่จะนำลูกบอลจากนอกเขตสนามกลับเข้ามาเล่นต่อได้ ทีมหนึ่งสามารถถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง ยกเว้นเมื่อทำการบล็อก (ได้ 4 ครั้ง) ผู้เล่นหนึ่งคนจะถูกลูกบอล 2 ครั้ง ติดต่อกันไม่ได้ ยกเว้นการบล็อกถ้าผู้เล่นถูกลูกพร้อมกัน 3 คน ก็ถือว่าถูก 3 ครั้ง ถ้าถูกพร้อมกันเหนือตาข่ายก็จะไม่นับ ถ้าลูกบอลออกถือว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามทำออก ถ้ายึดลูกบอลเหนือตาข่ายจะต้องเล่นใหม่ ลูกบอลที่ชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3ครั้ง ตามกำหนดยกเว้นการเสิร์ฟ
การเสิร์ฟ
            
จะเสิร์ฟโดยผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งหลังขวาที่อยู่ในเขตเสิร์ฟ การกำหนดทีมที่จะเสิร์ฟ ลูกแรกในเซตที่ 1 และ 5 โดยการเสี่ยง ต้องเสิร์ฟตามลำดับที่บันทึกไว้ เมื่อโยนออกไปเพื่อเสิร์ฟแล้ว ต้องใช้มือหรือส่วนใดของแขนข้างเดียว กระโดดเสิร์ฟได้ ต้องเสิร์ฟลูกภายใน 5 วินาที หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีด ถ้าเสิร์ฟพลาดไม่ถูกลูก ผู้ตัดสินจะให้เสิร์ฟใหม่ภายใน 3 นาที
การเปลี่ยนแดน
            เมื่อเสร็จแต่ละเซตทั้ง 2 ทีมจะต้องเปลี่ยนแดนยกเว้นเซตตัดสิน เซตตัดสินทีมใดได้ 8 คะแนน ให้เปลี่ยนแดนทันทีและตำแหน่งของผู้เล่นเป็นตามเดิม
ข้อห้ามของผู้เล่น            ห้ามมิให้ผู้เล่นสวมเครื่องประดับที่เป็นโลหะของแข็งในระหว่างการแข่งขันทุกชนิด
มารยาทของผู้เล่น            ผู้เล่นต้องยอมรับผลการแข่งขัน สุภาพอ่อนโยนต่อผู้ตัดสินและฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรแสดงท่าทางและทัศนะคติที่ไม่ดีระหว่างแข่งขันหรือแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ไม่เป็นการสุภาพต่อผู้อื่น

ประโยชน์ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

  กีฬาวอลเลย์บอล เป็นกีฬาอย่างที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย และเป็นกีฬาที่สุภาพ ฝึกหัดเล่นให้เป็นได้ง่าย และเมื่อเล่นกีฬาวอลเลย์บอลเป็นแล้วจะทำให้ผู้เล่นสามารถมีอายุในการเป็นนักกีฬาได้นานกว่ากีฬาอื่น ๆ คุ้มกับการที่ได้ฝึกฝนมาก เพราะกีฬาวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่คนหนุ่มสาวและคนมีอายุแล้วสามารถเล่น ได้แม้แต่สตรีที่มีบุตรแล้วและมี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ส่งผลของการเล่นและการแข่งขันย่อมทำให้ผู้เล่นเกิดประโยชน์ดังนี้คือ
1.วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ช่วยส่งเสริมความรักใคร่สามัคคีกันระหว่างหมู่คณะ เพราะวอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภททีม โดยมีผู้เล่นฝ่าหนึ่งอย่างน้อย ๖ คน 
2.วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ช่วยส่งเสริมทักษะในการใช้มือของผู้เล่นให้เกิดความชำนาญ มีความแข็งแรงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะกีฬาวอลเลย์บอลอาจนับได้ว่าเป็นกีฬาชนิดเดียวที่ต้องใช้ความชำนาญของมือทุกส่วนตั้งแต่นิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อมือ แขน ในการเล่นลุก
3. การเล่นวอลเลย์บอลนั้นผู้เล่นจะต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งต้องมีไหวพริบที่ดีสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆได้ จึงจะทำให้มีชัยชนะในการเล่น
4.วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับคนทุกยุคทุกวัย สถานที่ที่ใช้เล่นสามารถดัดเแปลงให้เหมาะสม กับเพสและวัยได้ กติกาการเล่นก็เข้าใจง่าย
5. การเล่นวอลเลย์บอลจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น เพราะผู้เล่นต่างก็อยู่ในแดนของตนเองและมีตาข่ายกั้นกลางสนาม จึงทำให้ไม่มีโอกาสที่จะปะทะกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่ายได้เลย
6.กีฬาวอลเลย์บอลเหมือนกับกีฬาอื่นๆ ทีใช้เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการเป็นสื่อกลางก่อให้เกิดความสนิทสนมคุ้นเคย และมีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน ทังระหว่างภายในประเทศและระหว่างประเทศได้อย่างดียิ่ง

สนามที่ใช่ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

สนามแข่งขัน 
            สนามต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 18 X 9 เมตร ล้อมรอบด้วยเขตสนาม กว้างอย่างน้อยที่สุด 3.00 เมตร รอบด้าน 
ที่ว่างสำหรับผู้เล่นคือ ที่ว่างเหนือพื้นที่เล่นลูกซึ่งไม่มีสิ่งใดกีดขวางอย่างน้อยที่สุด 7.00 เมตร สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เขตรอบสนามต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 5.00 เมตร จากเส้นข้าง 8.00 เมตร จากเส้นหลังและที่ว่างสำหรับเล่นลูกต้องสูงจากพื้นขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 12.50 เมตร

ลักษณะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

  วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีลูกอัดด้วยลมเป็นอุปกรณ์ในการเล่น  และเล่นในพื้นที่ซึ่งถูกแบ่งครึ่งด้วยตาข่าย  โดยมีลักษณะการเล่นทั่วๆไปดังนี้
                1.จุดมุ่งหมายการเล่น  วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตั้งแต่ศรีษะจนถึงเท้าเล่นลูกบอล  ซึ่งอาจตี  ตบ  ต่อยให้ลูกบอลไปตกในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามและในขณะเดียวกันต้องพยายามรักษาพื้นที่ไม่ให้ลูกบอลตกในแดนของตนด้วย
                2.ผู้เล่น  การเล่นครั้งหนึ่งๆ โดยทั่วไปจะมีผู้เล่นฝ่ายละ  6 คน มีผู้เล่นสำรองอยู่นอกสนามอีกฝ่ายลำไม่เกิน 6 คน  ซึ่งจะเปลี่ยนเข้าไปเล่นกันได้ตามกติกาการเปลี่ยนตัวผู้เล่นปัจจุบันมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และมีการจัดการแข่งขันประเภทต่างๆซึ่งช่วยส่งเสริมให้กีฬาวอลเลย์บอลพัฒนาการเล่นมากยิ่งขึ้น  ดังนั้นผู้เล่นอาจจะมีฝ่ายหนึ่งน้อยกว่า 6 คน ก็ได้
                3.สถานที่ใช้เล่น  สนามที่ใช้เล่นมีขนาด   กว้าง 9 เมตร  ยาว 18 เมตร มีตาข่ายกั้นกลางสนาม  ผู้ชายใช้ตาข่ายสูง 2.43 เมตร ผู้หญิงใช้ตาข่ายสูง 2.24 เมตร  สำหรับความสูงของตาข่ายนี้อาจจะลดลงมาได้อีก   ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจะกำหนดตามความเหมาะสม
                4.การเล่น  การเล่นเริ่มด้วยทีมที่ชนะการเสี่ยงอาจจะเลือกเสริฟ์หรือเลือกแดนหรือเลือกรับลูกเสริฟ์อย่างใดอย่างหนึ่ง  การเสริฟ์จะต้องเสริฟ์ภายในเขตเสริฟ์ให้ลูกข้ามตาข่ายไปยังฝ่ายรับ  จากนั้นทั้งสองฝ่ายต้องพยายามโต้ลูกกลับไปมา  โค้ชอาจจะขอเวลานอกหรือขอเปลี่ยนตัวผู้เล่น  การเล่นจะดำเนินต่อไปตามกติกา
                5.การได้คะแนน  ถ้าทีมใดที่ไม่สามารถรับลูกบอลที่ข้ามตาข่ายมาได้ตามกติกาหรือเล่นผิดกติกา  ผลที่ตามมาคือทีมนั้นเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกส่วนทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายชนะการเล่นลูกและคะแนน  ซึ่งถ้าทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายเสริฟ์ก็จะได้เสริฟ์ต่อไป  แต่ถ้าเป็นฝ่ายรับลูกเสริฟ์จะได้สิทธิทำการเสริฟ์และได้คะแนน  การได้คะแนนจะได้ครั้งละ 1 คะแนน
                6.การแพ้ชนะ  ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อนและมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน จะเป็นทีมที่ชนะการแข่งขันในเซตนั้น  แต่ถ้าทำได้ 25 คะแนนเท่ากันจะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง  2 คะแนน  เช่น 26-24 , 27-25  เป็นต้น
                  ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2:2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5 ) จะแข่งขันกันเพียง 15 คะแนน และทีมที่ชนะการแข่งขันต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน แต่ถ้าทำได้ 14 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง 2 คะแนน เช่น 16-14 , 17-15 เป็นต้น เมื่อเล่นชนะกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต (แล้วแต่จะกำหนดกันก่อนการแข่งขันว่าจะแข่งขันกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต ) ก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ

ประวัติของกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย

   วอลเลย์บอลได้แพร่หลายเข้ามาในไทย ตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด เพียงแต่ทราบกันว่าในระยะแรกๆ เป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ชาวจีนและชาวญวนมาก จนกระทั่งมีการแข่งขันระหว่างคณะ ชุมชน สโมสร และสมาคมขึ้น บางครั้งติดต่อแข่งขันกันไปในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีการแข่งขันชิงถ้วยทองคำทางภาคใต้
                ปี พ . ศ . 2477 กรมพลศึกษาได้จัดพิมพ์กติกาวอลเลย์บอลขึ้น โดยอาจารย์นพคุณพงษ์สุวรรณ เป็นผู้แปล และท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในกีฬาวอลเลย์บอลเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเล่น ตลอดจนกติกาการแข่งขันวอลเลย์บอล แก่บรรดาครูพลศึกษาทั่วประเทศในโอกาสที่กระทรวงศึกษาได้เปิดอบรมขึ้น ในปีนี้เองกรมพลศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาประจำปีขึ้น และบรรจุกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเข้าไว้ในรายการแข่งขันเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งในหลักสูตรของโรงเรียนพลศึกษากลางได้กำหนดวิชาบังคับให้นักเรียนหญิงเรียนวิชาวอลเลย์บอลและเนตบอล สมัยนั้นมี น.อ.หลวงสุภชลาศัย ร . น . ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา จนกระทั่งปี พ . ศ . 2500 ได้มีการจัดตั้ง " สมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย " (Amature Volleyball Association of Thailand) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่กีฬาวอลเลย์บอลให้เจริญรุดหน้า และดำเนินการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลในระบบ 6 คน มีหน่วยราชการอื่นๆ จัดการแข่งขันประจำปี เช่น กรมพลศึกษา กรมการคณะกรรมการกีฬามหาวิทยาลัย เทศบาลนครกรุงเทพฯ สภากีฬาทหาร ตลอดจนการแข่งขันกีฬาเขตแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดแข่งขันทั้งประเภททีมชายและทีมหญิงประจำปีทุกปี

ประวัติของกีฬาวอลเลย์บอล

     กีฬาวอลเลย์บอลเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1895 โดยนายวิล เลียม จี มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. เมืองฮอลโยค มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้คิดเกมการเล่นขึ้น เพื่อตอบสนอง ประยุกต์กีฬาให้สามารถเล่นในฤดูหนาวได้เขาได้เกิดแนวความคิดที่จะนำลักษณะและวิธีการ เล่นของกีฬาเทนนิสมาดัดแปลงใช้เล่น จึงใช้ตาข่ายเทนนิสซึ่งระหว่างเสาโรงยิมเนเซียม สูงจากพื้นประมาณ 6 ฟุต 6 นิ้ว และใช้ยางในของลูกบาสเกตบอลสูบลมให้แน่น แล้วใช้มือและแขนตีโต้ข้ามตาข่ายกันไปมา แต่เนื่องจากยางในของลูกบาสเกตบอลเบาเกินไป ทำให้ลูกบอลเคลื่อนที่ช้าและทิศทางที่เคลื่อนไปไม่แน่นอน จึงเปลี่ยนมาใช้ลูกบาสเกตบอล แต่ลูกบาสเกตบอลก็ใหญ่ หนักและแข็งเกินไป ทำให้มือของผู้เล่นได้รับบาดเจ็บจนในที่สุดเขาจึงให้บริษัท A.G. Spalding and Brother Company ผลิตลูกบอลที่ หุ้มด้วยหนังและบุด้วย ยาง มีเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว มีน้ำหนัก 8-12 ออนซ์ หลังจากทดลองเล่นแล้ว เขาจึงชื่อเกมการเล่นนี้ว่า "มินโตเนต" (Mintonette)        ปี ค.ศ. 1896 มีการประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ ( Spring-field College) นายวิลเลียม จี มอร์แกน ได้สาธิตวิธีการเล่นต่อหน้าที่ประชุมซึ่งศาสตราจารย์ อัลเฟรด ที เฮลสเตด (Alfred T. Helstead) ได้เสนอแนะให้มอร์แกนเปลี่ยนจากมินโตเนต (Mintonette) เป็น "วอลเลย์บอล"(Volleyball) โดยศาสตราจารย์อัลเฟรดให้ความเห็นว่าเป็นวิธีการเล่นโต้ลูกบอลให้ลอยข้ามตาข่ายไปมาในอากาศ โดยผู้เล่นพยายามไม่ให้ลูกบอล ตกพื้น ต่อมากีฬาวอลเลย์บอลได้แพร่หลายและเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ประชาชนชาวอเมริกันเป็นอย่างมากปี ค.ศ. 1928 ดอกเตอร์ จอร์จ เจ ฟิเชอร์ (Dr. George J. Fisher) ได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกติกาการเล่นวอลเลย์บอล เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลในระดับชาติ และได้เผยแพร่กีฬาวอลเลย์บอลจนได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งกีฬาวอลเลย์บอล